จากครั้งที่แล้วไปวัดใกล้บ้าน ครั้งนี้พากันเข้ากรุง
ไปยังวัดอินทารามวิหาร (วัดอินทร์) ใกล้สี่แยกบางขุนพรหม น้าชายรีบพาไปที่บ่อน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหมรํสี) ซึ่งศักดิ์สิทธ์
และมีคนไปนั่งสมาธิมากมาย จากนั้นก็ไปไหว้หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่มาก
มีผู้คนไปกราบไหว้บูชาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
จากนั้น เราก็เดินทางไปวัดชนะสงคราม
แค่ชื่อก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว วัดนี้อยู่เยื้องกับถนนข้าวสาร
เดิมเรียกว่าวัดกลางนา สร้างขึ้นสมัยอยุธยา เก่าแก่มากมาก สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสถาปนาวันนี้ขึ้นมาใหม่
และรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ทหารรามัญในกองทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท
วัดสุทัศนเทพวราราม
วัดที่เก่าแก่ สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์โปรดเกล้าให้สถาปนาขึ้น
เป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร
และประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดที่ใหญ่ที่สุดใประเทศไทย มีพระนามว่า
พระศรีศากยมุนี
ไปต่อกันที่วัดราชนัดดา โลหะปราสาท ตั้งอยู่ใกล้ป้อมมหากาฬ
รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2389
เป็นโบราญสถานล้ำค่าของประเทศไทยทีเดียว เพราะเป็นโลหะปราสาทที่เดียวที่ยังเหลืออยู่ในโลก
โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาททั้งหมด 37 ยอด หมายถึงหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
37 ประการ ชั้น 7 เป็นยอดปราสาทสำหรับประดิษฐาน
พระบรมธาตุ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยด้วย
ใกล้กันกับวัดราชนัดดา เป็นวัดเทพธิดา
ตั้งอยู่ที่ถนนมหาไชย สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์โปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2379 เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี
ชนิดวรวิหารมีพระปรางค์ทิศทั้งสี่ และสุนทรภู่เคยมาจำพรรษาที่นี่ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๒๘ -
๒๓๘๕ และได้เขียนบทกลอนเรื่องรำพันพิลาปขึ้น
มีบทพรรณนาลักษณะปูชนียสถานปูชนียวัตถุของวัดอย่างละเอียด
บรรยายถึงความงามของพระอารามไว้ และเรียกว่า "กุฏิสุนทรภู่"
มีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงกวีเอกผู้นี้ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน เป็นประจำทุกปี
และวัดสุดท้ายที่ไปคือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร(วัดสระเกตุ)
หรือวัดภูเขาทอง ตั้งอยู่ที่ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดโบราญในสมัยอยุธยา ต่อมารัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ต่อมาในรัชกาลที่
๓ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้างสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ที่สำคัญคือ
พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง ซึ่งทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง มาในรัชกาลที่
4 จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด
การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
พระเจดีย์บนยอดพระบรมบรรพตเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุมาแต่ครั้งนั้น ขณะเดินขึ้นไปก็จะมีเสียงบรรยายธรรมะประกอบให้ได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาไปตลอดทาง
และมีระฆังระหว่างทางขึ้นด้วย
จบทริปด้วยการอิ่มบุญและอิ่มใจกับภาพวิวสวยๆต่างๆมากมาย
อยากให้ทุกคนมาเที่ยวชมกัน เมืองไทยไม่ไปไม่รู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น